บัวบา,ตับเต่า,Water Snowflake .
ดอกบัวดอกเล็กๆมีขนปุยๆ ดอกมีทั้งสีขาวและสีเหลือง ดอกสีขาวนั้น ตรงกลางดอกเป็นสีเหลือง ออกดอกบริเวณใต้ใบบัว ต้นนี้คือบัวบาครับ เป็นบัวที่มีความพิเศษมากๆครับ คือสามารถปลูกได้แบบบัวปรติคือรากติดดิน ใบลอยน้ำ และก็ยังสามารถเลี้ยงแบบลอยน้ำไว้เฉยๆได้ด้วยนะครับ คือเด็ดใบแก่ หรือใบที่มีดอกออกมา 1 ใบ ก็สามารถเติบโตต่อเป็นต้นใหม่ขึ้นมาได้ครับ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Nymphoides indicum (linn.) O.Ktze
วงศ์ MENYANTHACEAE
ชื่อสามัญ Nymphoides, Water Snowflake
ชื่ออื่น ๆ ตับเต่า,บา,ผักเตาใหญ่ อี(ภาคกลาง) ,ตับเต่า (สุพรรณบุรี), ผักนองม้า (สุรินทร์), อีแปะภู (เลย)
บัวบาพบได้ทั่วไปบริเวณพื้นที่เขตร้อนทั่วโลกครับ ไปปรากฎชัดเจนว่าเป็นพืชประจำถิ่นของประเทศใด ที่สหรัฐอเมริกาบัวบาถือเป็บวัชพืชทางน้ำชนิดหนึ่งครับ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้กลายเป็นบัวที่หาไม่ได้ทั่วไปแล้วครับ สมัยนี้เป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่เลี้ยงง่าย โตไว ออกดอกดกครับ
ลักษณะโดยทั่วไปของบัวบา
บัวบาจะมีลักษณะพิเศษคือเป็นบัวที่มีกิ่งก้าน หรือไหลนั่นเองครับ สามารถแตกกิ่งก้าน หรือไหล ทำให้แพร่ขยายไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว สามารถปลูกได้ทั้งแบบลอยน้ำ และปลูกติดกับดินใต้น้ำ ใบกลม หูใบลึก ขนาดของใบ มีตั้งแต่ 5-20 เซนติเมตร เลยครับ ขึ้นอยู่กับที่ปลูก และแร่ธาตุแถวๆนั้นครับ ดอกของบัวบาจะมีจุดเด่นคือดอกมีลักษณะเป็นขนปุย (มีบัวบาชนิดที่ดอกเป็นกลีบแบนด้วยนะครับ) ส่วนมากจะมี 5 กลีบครับ 6 -8 กลีบก็มีครับ แต่จะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก การขยายพันธุ์บัวบานั้นสามารถขยายพันธุ์โดยการนำไหลบัวไปชำในดินเพื่อให้โตเร็วขึ้น แตกกิ่งก้านเร็ว หรือจะหักใบแก่ไปลอยน้ำไว้เฉยๆเลยก็ได้ครับ บัวบาจะเป็นบัวที่มีกิ่งก้านเยอะ หรือมีใหลเยอะมากครับ ลักษณะจะเป็นแพๆต่อกันไปเลื่อยๆครับ กินพื้นที่ผิวน้ำเยอะ และลุกคืบเร็ว
บัวบานั้นสามารถทานได้ด้วยนะครับ โดยผมได้คุยกับชาวนาที่จังหวัดสุพรรณ เค้าบอกว่าเอาก้านของบัวบา (เค้าเรียกตับเต่า) ไปดองกับใบมะดัน และก็เกลือครับ ทำเป็นผักจิ้ม รสชาติเปรี้ยวๆครับ ที่นำบัวบาไปทานนั้นเป็นพันธุ์สีขาวนะครับ สีเหลืองไม่เคยทานเพราะแถวนั้นไม่มีบัวบาสีเหลืองครับ มีแต่บัวบาสีขาว